นโยบายการกำกับดูแลกิจการ
นโยบายนี้กำหนดกรอบนโยบายและนโยบายการดำเนินงานที่เป็นรากฐานสำคัญในการกำกับดูแลกิจการของ บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ต่อไปนี้เรียกว่า "บริษัท ฯ " และ / หรือ "บริษัท ฯ ")
1. นโยบายการกำกับดูแลกิจการ
2. นโยบายบริหารความเสี่ยง
3. นโยบายการแต่งตั้งกรรมการบริษัท
4. นโยบายในการให้ผลตอบแทนแก่พนักงาน
5.นโยบายการลงทุนและการประกอบธุรกิจอื่น
มุมมองพื้นฐานเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการ
บริษัทให้ความสำคัญต่อลูกค้าในการพิจารณากำหนดทิศทางนโยบายของธุรกิจ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความปลอดภัยของลูกค้า รวมทั้งให้ความสำคัญต่อความเป็นอยู่และสุขภาพที่ดีของลูกค้าและสังคมโดยรวม โดยดำเนินการจัดสรรการบริการด้านประกันภัยและบริการที่เกี่ยวข้องอย่างมีคุณภาพสูงสุด
นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมในการกำกับดูแลกิจการที่ดีและปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการของบริษัทจึงได้จัดทำนโยบายการกำกับดูแลกิจการอันเป็นนโยบายพื้นฐานเพื่อกำหนดกรอบวิสัยทัศน์ขององค์กร และมุ่งมั่นพัฒนาไปสู่การสร้างระบบการกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
กรรมการและคณะกรรมการบริษัท
บทบาทของกรรมการและคณะกรรมการ
คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกําหนดไว้ซึ่งเป็นหน้าที่สําคัญในการบริหารจัดการและดูแลองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามกฎระเบียบของคณะกรรมการกำกับและดูแลการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ บริษัทจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัททุก 3 เดือน เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
จำนวนกรรมการบริษัทองค์ประกอบและวาระการดำรงตำแหน่ง
จำนวนของกรรมการบริษัทต้องมีไม่น้อยกว่า 5 คน และกรรมการบริษัทไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งต้องมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ตามที่กำหนดในข้อบังคับของบริษัท นอกจากนี้บริษัทจะต้องคงอัตรากรรมการที่มีสัญชาติไทยตามที่มีกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย
กรรมการอิสระคือผู้ที่มีประสบการณ์และมุมมองที่หลากหลายสามารถประยุกต์ใช้มุมมองจากภายนอกกับประเด็นต่างๆรวมถึงประเด็นทางกฎหมาย ความต้องการของผู้บริโภคและการพัฒนาธุรกิจในประเทศไทย ทั้งนี้ กรรมการบริษัทจำนวน 1 ใน 3 ของกรรมการทั้งหมดจะลาออกจากตำแหน่งในแต่ละปีงบประมาณ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อธุรกิจ
คณะกรรมการตรวจสอบ
บทบาทของคณะกรรมการตรวจสอบ
คณะกรรมการตรวจสอบได้ถูกแต่งตั้งขึ้นเพื่อช่วยคณะกรรมการบริษัทในการกำกับดูแลกิจการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบการปฏิบัติงานต่าง ๆ ของบริษัท และการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับและจริยธรรมธุรกิจ
จำนวนกรรมการตรวจสอบองค์ประกอบและวาระการดำรงตำแหน่ง
กรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 2 ท่าน ต้องเป็นกรรมการอิสระซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยกำหนดให้คณะกรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 1 ท่าน ต้องมีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวข้องกับบัญชีหรือการเงินซึ่งสามารถตรวจสอบงบการเงินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยกรรมการตรวจสอบแต่ละท่านมีวาระการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 4 ปีนับตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจสอบ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
มีหน้าที่รับผิดชอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทและธุรกิจในกลุ่มให้เป็นไปอย่างคล่องตัวภายใต้สถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนไป
รองประธานกรรมการบริหาร
มีหน้าที่ดูแลการดำเนินธุรกิจในแต่ละแผนกให้มีความคล่องตัวในการตัดสินใจ เพื่อให้เกิดผลลัพท์ที่ดีที่สุดอย่างต่อเนื่องแก่บริษัท และธุรกิจในกลุ่มโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ
การแก้ไขและการยกเลิก
นโยบายการกำกับดูแลกิจการนี้จะได้รับการแก้ไขและยกเลิกโดยมติของคณะกรรมการ บริษัท อย่างไรก็ตามการแก้ไข และ/หรือเพิ่มเติมบางส่วนสามารถทำได้โดย คณะกรรมการบริหาร
แผนก / ฝ่ายที่รับผิดชอบ
ฝ่ายกฎหมายและกำกับดูแลการปฏิบัติงานเป็นผู้รับผิดชอบนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี
บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของความเสี่ยง และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมเพื่อใช้เป็นกรอบการบริหารความเสี่ยงและเพื่อเป็นกระบวนการประเมินความเสี่ยงและความมั่นคงทางการเงินของบริษัท (ORSA) ซึ่งเป็นกระบวนการวางแผน ระบุ ประเมิน จัดการ ติดตาม ควบคุม และตอบสนองต่อความเสี่ยงของบริษัทให้ทันต่อเหตุการณ์ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
คณะกรรมการบริษัทจึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (RMC) กำหนดกรอบและนโยบายการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมที่ครอบคลุมความเสี่ยงสำคัญของบริษัท และเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติ โดยที่คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงจะรายงานความคืบหน้าในการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และสื่อสารให้พนักงานในองค์กรทุกคนรับทราบและปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด
นโยบายการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมเป็นแนวทางในการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ของธุรกิจ ดังนี้
1) เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น
2) เพื่อส่งมอบการบริการที่มีคุณภาพแก่ผู้ถือกรมธรรม์
3) เพื่อช่วยเหลือสังคมด้วยผลิตภัณฑ์ประกันภัย
4) เพื่อให้มีการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
5) เพื่อให้มีรายงานทางการเงินที่เชื่อถือได้และตรงต่อเวลา
6) เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
7) เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทุกคน
วิธีการแบบองค์รวม แบบบูรณาการ แบบเชิงรุก และการมุ่งเน้นกระบวนการอย่างแท้จริงตามกรอบและนโยบายบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมช่วยให้บริษัทจัดการความเสี่ยงขององค์กรที่สำคัญทั้งหมด ที่จะทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้ บริษัทได้นำกรอบการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมมาเป็นหลักการสำคัญในการรักษาความซื่อสัตย์ของการดำเนินธุรกิจ และเพื่อให้มั่นใจถึงเสถียรภาพและความมั่นคงของสภาพแวดล้อมการดำเนินงานของบริษัท และที่สำคัญกว่านั้น บริษัทจะสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันหากสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีกว่าคู่แข่ง เนื่องจากสามารถคาดการณ์และปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า
บริษัทกำหนดกรอบการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมเพื่อให้มีการปฏิบัติตามกฎระเบียบเรื่องการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ถือกรมธรรม์ (Solvency Regulations) และกฎหมายอื่นที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแล นอกเหนือไปจากนี้ กรอบและนโยบายบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมยังใช้เป็นแนวทางให้ฝ่ายบริหารใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจเพื่อให้การดำเนินกิจการของบริษัทเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงของบริษัท บริษัทจะระบุการยอมรับความเสี่ยงในรายงานและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในรายงาน โดยที่การยอมรับความเสี่ยงและความเสี่ยงที่ยอมรับได้จะต้องได้รับการพิจารณาในการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัท เกณฑ์ความเสี่ยงต่างๆ ในการดำเนินงานของบริษัทจะสอดคล้องและสนับสนุนการปฏิบัติตามเกณฑ์ความเสี่ยงและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของบริษัท
บริษัทมีการกำหนดโครงสร้างการทำงาน ให้มีการระบุ ประเมิน ติดตาม และรายงานความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้รับการจัดการ ติดตามและรายงานผลอย่างเหมาะสม บริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ด้วยการจัดทำทะเบียนข้อมูลความเสี่ยง เพื่อระบุความเสี่ยงทั้งหมด โดยใช้วิธีการเชิงคุณภาพและดำเนินการประเมินความเสี่ยงระดับองค์กร เพื่อประเมินความเป็นไปได้และผลกระทบของความเสี่ยงอย่างน้อยปีละครั้ง และระบุความเสี่ยงหลักของบริษัท นอกเหนือไปจากนี้ บริษัทได้ติดตามตัวชี้วัดความเสี่ยงหลักของบริษัท (KRI) อย่างสม่ำเสมอ และมีการรายงานตัวชี้วัดเป็นรายเดือนเพื่อให้สามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ และสามารถกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบได้ทันท่วงที และเพื่อป้องกันไม่ให้ระดับความเสี่ยงแย่ลง
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในกรอบการบริหารความเสี่ยงแบบอค์รวม ไม่ว่าด้วยปัจจัยภายในของบริษัท เช่น กลยุทธ์การดำเนินงาน แผนธุรกิจ นโยบายการรับประกันภัย หรือการปฏิบัติงานภายในของบริษัทเอง หรือจากปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงด้านตลาด อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงจากคู่สัญญา หรือความเสียหายด้านภัยธรรมชาติ เป็นต้น บริษัทจะได้ระบุความเสี่ยง และมาตรการการวัดผล เพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่ได้เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ การปรับปรุงกรอบการบริหารความเสี่ยงแบบองค์รวมนั้น จะคำนึงถึงการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ถือกรมธรรม์เป็นสำคัญ และกฎหมายอื่นที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้วย
คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้เสนอรายชื่อบุคคลผู้สมควรดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อให้การดำเนินงานของบริษัทมีความต่อเนื่องและเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้
คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่เสนอรายชื่อบุคคลผู้สมควรดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัท เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติในการแต่งตั้งกรรมการบริษัท โดยในการเสนอรายชื่อดังกล่าวคณะกรรมการบริษัทต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ปราศจากอคติ เพื่อให้เกิดความสมดุลในการบริหารธุรกิจ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทประกอบด้วยกรรมการที่เป็นผู้บริหารและกรรมการอิสระ ที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ
บริษัท มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาผลตอบแทนแก่พนักงาน ดังต่อไปนี้
พิจารณาโครงสร้างของผลตอบแทนของบุคลกรที่จะจัดจ้าง และการเก็บรักษาบุคคลากรอันมีคุณค่าไว้ในองค์กร
- โครงสร้างของผลตอบแทนจะต้องสอดคล้องกันระหว่างแผนธุรกิจและการเจริญเติบโตของพนักงาน
- โครงสร้างของผลตอบแทนจะสะท้อนถึงผลลัพท์ในระยะกลางและระยะยาวของพนักงาน รวมถึงความคิดริเริ่มต่าง ๆ ซึ่งได้ดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมา
- ปัจจัยสำคัญของโครงสร้างของผลตอบแทนคือ การบรรลุเป้าหมายความโปร่งใสและเป็นธรรมต่อพนักงาน องค์กรและกลุ่มผู้ถือหุ้น
วัตถุประสงค์ของการกำหนดกรอบนโยบายการลงทุน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการบริหารความเสี่ยงรวม การออกแบบผลิตภัณฑ์ การรับประกันภัย การทำสัญญาประกันภัยต่อ การบริหารสินทรัพย์และหนี้สิน ฐานะเงินกองทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผลตอบแทนที่คาดหวัง และความพร้อมของระบบและบุคลากรในการรองรับการลงทุนและให้เป็นไปตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
การพิจารณาการลงทุนของบริษัทเป็นไปตามกรอบนโยบายการลงทุนที่อนุมัติโดยคณะกรรมการบริษัท โดยการนำเสนอโดยคณะกรรมการลงทุน โดยคำนึงถึงความมั่นคงเป็นลำดับแรก โดยลงทุนในสินทรัพย์ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่ำ ประกอบกับการคำนึงถึงสภาพคล่อง เพื่อจัดสรรกระแสเงินสดตามระยะเวลาจ่ายให้สอดคล้องกับหนี้สินภาระผูกพันที่มีต่อผู้ถือกรมธรรม์ และให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมตามความเสี่ยงที่คณะกรรมการลงทุนกำหนด สัดส่วนและประเภทสินทรัพย์ลงทุนเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
บริษัทฯ ได้จัดให้มีโครงสร้างการควบคุมที่เหมาะสมสำหรับกิจกรรมลงทุน ได้แก่ การอนุมัติรายการลงทุน โดยผู้บริหาร การจัดทำกรอบนโยบายและแผนการลงทุน การควบคุมและดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกรอบนโยบาย การติดตามผลการลงทุนและสถานะของสินทรัพย์ลงทุน โดยคณะกรรมการลงทุน การรายงานต่อคณะกรรมการบริษัท นอกเหนือจากฝ่ายลงทุน ฝ่ายบัญชี ฝ่ายบริหารความเสี่ยงและฝ่ายตรวจสอบภายใน ซึ่งมีการแบ่งแยกหน้าที่สำหรับแต่ละกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง
บริษัทฯ สามารถประกอบธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจประกันวินาศภัยได้ภายใต้กรอบนโยบายการประกอบธุรกิจอื่นที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการใช้ทรัพยากรของบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการประกอบธุรกิจอื่นที่ได้รับความเห็นชอบได้แก่ การบริหารจัดการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และบริการสำรวจภัย
สัดส่วนของสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้เป็นไปตามกรอบนโยบายลงทุน ดังต่อไปนี้ ทั้งนี้อันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินที่ฝากเงิน และผู้ออกหลักทรัพย์ต้องไม่ต่ำว่า A-
บริษัทมีนโยบายในการลงทุน โดยนำเม็ดเงินที่ได้จากการดำเนินธุรกิจไปลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
Copyright © 2020 Sompo Insurance (Thailand) Public Company Limited. All Rights Reserved.